สมาชิกราชวงศ์ที่อยู่ในลำดับต้นๆของการสืบทอดบัลลังก์มักจะมีข่าวคราวให้สาธารณชนได้รับรู้มากกว่า ส่วนคนอื่นก็แทบจะถูกลืม ในราชวงศ์อังกฤษมีผู้สืบสันตติวงศ์เกือบหกสิบคน หนึ่งในนั้นคือลอร์ดเฟรเดอริก วินเซอร์ ผู้สืบสันตติวงศ์ลำดับที่สี่สิบเก้า แทนที่จะเป็นที่สนใจของใครๆ ท่านกลับใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ แม้ท่านจะทำงานเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงิน แต่ก็ไม่ได้เป็น “ราชวงศ์ที่ทรงงาน” คือไม่ได้เป็นสมาชิกคนสำคัญที่ได้ออกงานในฐานะตัวแทนของราชวงศ์ ซึ่งจะได้รับเบี้ยหวัดเป็นค่าตอบแทน
นาธานโอรสของดาวิด (2 ซมอ.5:14) เป็นเชื้อพระวงศ์อีกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่เหนือความสนใจ เรารู้เรื่องท่านน้อยมาก ขณะที่ลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูในพระธรรมมัทธิวกล่าวถึงบุตรของดาวิดที่ชื่อซาโลมอน (ตามเชื้อสายของโยเซฟ ใน มธ.1:6) แต่ลำดับพงศ์พันธุ์ในพระธรรมลูกาซึ่งนักวิชาการหลายคนเชื่อว่าเป็นเชื้อสายฝ่ายมารีย์ได้กล่าวถึงนาธาน (ลก.3:31) แม้นาธานไม่ได้สืบทอดราชบัลลังก์ แต่ท่านก็มีบทบาทในอาณาจักรนิรันดร์ของพระเจ้า
ในฐานะผู้เชื่อในพระคริสต์ เราเป็นสมาชิกของราชวงศ์เช่นกัน อัครทูตยอห์นบันทึกไว้ว่าพระเจ้าประทาน “สิทธิให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน.1:12) แม้เราจะไม่ได้เป็นที่สนใจของใคร แต่เราเป็นบุตรขององค์กษัตริย์ พระเจ้าทรงเห็นเราแต่ละคนสำคัญมากพอที่จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้และวันหนึ่งจะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ (2 ทธ.2:11-13) เช่นเดียวกับนาธานเราอาจไม่ได้สวมมงกุฎของโลกนี้ แต่เรายังคงมีบทบาทในอาณาจักรของพระเจ้า
จิม และเจมี่ ดัทเชอร์ ผู้สร้างภาพยนตร์ซึ่งเป็นที่รู้จักในความรอบรู้เรื่องหมาป่าได้กล่าวว่า เมื่อมีความสุขพวกมันจะกระดิกหางและวิ่งไปมา แต่เมื่อมีสมาชิกในฝูงตาย มันจะคร่ำครวญนานนับสัปดาห์และกลับไปยังจุดที่สมาชิกในฝูงเสียชีวิต พวกมันแสดงความเสียใจโดยทำหางตกและหอนอย่างโศกเศร้า
ความเศร้าโศกเป็นอารมณ์ที่มีพลังซึ่งเราทุกคนเคยประสบ โดยเฉพาะเมื่อสูญเสียคนรักหรือความหวังที่มีคุณค่า มารีย์ชาวมักดาลาก็เช่นกัน เธอเป็นผู้สนับสนุนและเดินทางไปกับพระเยซูและสาวก (ลก.8:1-3) แต่การสิ้นพระชนม์อย่างโหดร้ายบนกางเขนได้แยกพวกเขาออกจากกัน สิ่งเดียวที่มารีย์ทำให้พระเยซูได้คือการชะโลมพระศพให้พร้อมสำหรับการฝัง แต่ก็ต้องรอเพราะติดวันสะบาโต ลองจินตนาการถึงความรู้สึกของเธอเมื่อมาถึงอุโมงค์ และไม่พบร่างที่แตกหักไร้ชีวิต แต่กลับเป็นพระผู้ไถ่ที่ทรงพระชนม์ แม้ตอนแรกเธอจะจำชายที่ยืนตรงหน้าไม่ได้ แต่เสียงเรียกชื่อเธอทำให้เธอรู้ว่าคือพระเยซูนั่นเอง ความเศร้าโศกเปลี่ยนเป็นความยินดีในทันใด มารีย์มีข่าวน่ายินดีมาบอก “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” (ยน.20:18)
พระเยซูเข้ามาในโลกที่มืดมิดของเราเพื่อมอบเสรีภาพและชีวิต การฟื้นคืนพระชนม์เป็นการเฉลิมฉลองความจริงที่ว่า พระองค์ทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ เช่นเดียวกับมารีย์ เราสามารถฉลองการคืนพระชนม์ของพระคริสต์และแบ่งปันข่าวดีที่ว่าพระองค์ทรงพระชนม์ ฮาเลลูยา
ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดโรเธีย แลนจ์ช่างภาพผู้มีชื่อเสียงได้ถ่ายภาพของฟลอเรนซ์ โอเวน ทอมป์สัน และลูกๆของเธอเอาไว้ ภาพที่รู้จักในชื่อ แม่ผู้อพยพ เป็นภาพแม่ผู้สิ้นหวังที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้ แลนจ์ถ่ายภาพนี้ในเมืองนิโปโม รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะทำงานกับองค์การเพื่อความปลอดภัยในฟาร์ม เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความขัดสนของบรรดาผู้ใช้แรงงานที่สิ้นหวัง
บทเพลงคร่ำครวญนำเสนอภาพความสิ้นหวังไว้เช่นกัน คือภาพของยูดาห์ในช่วงที่เยรูซาเล็มถูกทำลาย ก่อนที่กองทัพของเนบูคัดเนสซาร์จะเข้าทำลายเมือง ผู้คนทุกข์ทรมานจากความอดอยากเพราะเมืองถูกล้อม (2 พกษ.24:10-11) แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นผลของการไม่เชื่อฟังพระเจ้านานหลายปี แต่ผู้เขียนบทเพลงคร่ำครวญได้ร้องทูลต่อพระเจ้าในนามของประชาชน (พคค.2:11-12)
ผู้เขียนสดุดี 107 ก็ได้อธิบายถึงเวลาที่สิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลด้วย (ช่วงที่เร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร ข้อ 4-5) ท่านย้ำถึงสิ่งที่ต้องทำเมื่อพบความยากลำบาก นั่นคือ “เขาร้องทูลพระเจ้า” (ข้อ 6) สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคือ “พระองค์ทรงช่วยกู้เขาจากความทุกข์ใจของเขา”
คุณกำลังท้อแท้อยู่หรือ อย่าเงียบอยู่ จงร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงฟังและรอคอยที่จะฟื้นฟูความหวังของคุณ แม้พระเจ้าจะไม่ทรงนำเราออกจากความลำบากทุกครั้งไป แต่ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอ
เอิร์นเนส แชคเคิลตัน (1874-1922) เป็นผู้นำคณะสำรวจในภารกิจข้ามทวีปแอนตาร์กติกาในปี 1914 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเรือของเขาที่ชื่อ อดทน (Endurance) ติดอยู่กับน้ำแข็งก้อนเขื่องในทะเลเว็ดเดล กลายเป็นการแข่งขันที่ต้องทรหดอดทนเพื่อให้มีชีวิตรอด เมื่อไม่มีช่องทางสื่อสารกับคนส่วนอื่นในโลก แชคเคิลตันกับลูกเรือจึงเดินทางด้วยเรือชูชีพไปยังชายฝั่งที่ใกล้ที่สุด ลูกเรือส่วนใหญ่รออยู่บนเกาะ ในขณะที่แชคเคิลตันกับลูกเรืออีกห้าคนใช้เวลาสองสัปดาห์เดินทาง 1,288 กิโลเมตร ข้ามมหาสมุทรไปเซาท์จอร์เจียเพื่อขอให้ช่วยเหลือคนที่รออยู่ งานสำรวจที่ “ล้มเหลว” กลับกลายเป็นความสำเร็จที่จารึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เมื่อลูกเรือของแชคเคิลตันรอดชีวิตทุกคน ซึ่งเป็นผลมาจากความกล้าหาญและความทรหดอดทนของพวกเขา
อัครทูตเปาโลรู้ดีว่าความทรหดอดทนหมายถึงอะไร ขณะเดินทางในทะเลที่มีพายุไปยังกรุงโรมเพื่อรับการพิจารณาคดีที่ท่านเชื่อในพระเยซู ทูต-สวรรค์ของพระเจ้าบอกเปาโลว่าเรือจะล่ม แต่เปาโลช่วยให้คนในเรือมีกำลังใจตลอด ซึ่งเป็นเพราะพระสัญญาของพระเจ้าที่ว่าทุกคนจะรอดแม้จะต้องสูญเสียเรือไปก็ตาม (กจ.27:23-24)
เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น เรามักต้องการให้พระเจ้าทำให้ทุกสิ่งดีขึ้นทันที แต่พระเจ้าประทานความเชื่อ เพื่อให้เราอดทนและเติบโต ตามที่เปาโลเขียนถึงชาวโรมว่า “ความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน” (รม.5:3) เมื่อรู้เช่นนี้ เราจึงหนุนใจซึ่งกันและกันให้ไว้วางใจพระเจ้าแม้ในยามยากลำบาก - LMW
ในศตวรรษที่สิบเจ็ด เซอร์ไอแซค นิวตัน ได้ใช้แท่งปริซึมเพื่อศึกษาว่าแสงช่วยให้เราเห็นสีต่างๆกันได้อย่างไร เขาพบว่าเมื่อแสงส่องผ่านวัตถุ จะเห็นว่าวัตถุนั้นมีสีเฉพาะตัว ผลึกน้ำแข็งหนึ่งชิ้นดูโปร่งแสง หิมะเมื่อแสงส่องผ่าน มาจากผลึกน้ำแข็งจำนวนมากอัดรวมกัน เราจะเห็นหิมะเป็นสีขาว
พระคัมภีร์พูดถึงสิ่งหนึ่งซึ่งมีสีที่ชัดเจน นั่นคือ ความบาป พระเจ้าทรงชี้ให้คนยูดาห์เห็นบาปของตนผ่านผู้เผยพระวจนะอิสยาห์และอธิบายว่าบาปของพวกเขา “เหมือนสีแดงเข้ม” และ “แดงอย่างผ้าแดง” แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่า พวกเขาจะ “ขาวอย่างหิมะ” โดยยูดาห์ต้องหันจากการกระทำผิดและแสวงหาการอภัยจากพระเจ้า
ขอบคุณพระเยซูที่ทำให้เราเข้าถึงการอภัยของพระเจ้าได้อย่างถาวร พระเยซูทรงเรียกพระองค์เองว่า “ความสว่างของโลก” และตรัสว่าใครที่ติดตามพระองค์ “จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” (ยน.8:12) เมื่อเราสารภาพบาปของเรา พระเจ้าทรงอภัยให้และทอดพระเนตรเห็นเราผ่านการเสียสละของพระคริสต์บนไม้กางเขน นั่นหมายความว่าพระเจ้าทรงเห็นเราเหมือนที่พระองค์ทรงเห็นพระเยซู คือ ไร้ตำหนิ
เราไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดและความละอายต่อความผิดที่เราได้ทำ แต่เราสามารถยึดมั่นในความจริงที่เกี่ยวกับการอภัยของพระเจ้า ซึ่งทำให้เรา “ขาวอย่างหิมะ” - LMW
ตอนเป็นเด็ก ฉันเข้าใจว่าเพลงชื่อ “พระองค์มองข้ามความผิดและทรงเห็นความต้องการของฉัน” ที่แต่งโดยด็อตตี้ แรมโบ้ ในปี 1967 มีชื่อว่า “พระองค์มองข้ามความผิดและทรงเห็นหัวเข่าของฉัน” ด้วยความเป็นเด็ก ฉันสงสัยว่าทำไมพระเจ้าจึงดูที่หัวเข่า เพราะเข่าอ่อนแอหรือ ฉันรู้ว่าคำว่าเข่าอ่อนแปลว่า “กลัว” ต่อมาฉันรู้ว่าด็อตตี้แต่งเพลงเกี่ยวกับความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระเจ้าเพราะเอ็ดดี้น้องชายของเธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่น่ารักเพราะเขาเคยทำผิด ด็อตตี้ยืนยันกับเขาว่าพระเจ้าทรงเห็นความอ่อนแอของเขา แต่ก็ยังทรงรักเขา
ความรักที่ไร้เงื่อนไขของพระเจ้าปรากฏให้เห็นหลายครั้งเมื่อชนชาติอิสราเอลและยูดาห์รู้สึกหวาดกลัว พระองค์ทรงส่งผู้เผยพระวจนะอิสยาห์มาส่งสารถึงประชาชนผู้ดื้อรั้นของพระองค์ ในอิสยาห์ 35 ท่านเล่าถึงความหวังถึงการกลับสู่สภาพดีโดยพระเจ้า กำลังใจอันเกิดจากการมีความหวังจะ “หนุนกำลังของมือที่อ่อน และกระทำหัวเขาที่อ่อนให้มั่นคง” (ข้อ 3) เมื่อคนของพระเจ้าได้รับการหนุนน้ำใจ พวกเขาจะสามารถหนุนน้ำใจผู้อื่นได้ด้วย อิสยาห์จึงสอนไว้ในข้อ 4 ว่า “จงกล่าวกับคนที่มีใจคร้ามกลัวว่า จงแข็งแรงเถอะ อย่ากลัว”
คุณกำลังกลัวอยู่หรือไม่ จงบอกพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงหนุนกำลังเข่าที่อ่อนแรงด้วยความจริงจากพระวจนะและโดยฤทธิ์เดชแห่งการทรงสถิตอยู่ด้วย แล้วคุณจะได้หนุนใจผู้อื่นได้
ไม่มีทางล้มเหลว” เป็นคำพูดของซูซาน บี. แอนโธนี่ (1820-1906) เธอเป็นที่รู้จักเพราะเธอยืนหยัดเพื่อสิทธิสตรีในสหรัฐอเมริกา แม้เธอต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ และต่อมาถูกจับ ถูกสอบสวนและตัดสินให้มีความผิดฐานลงคะแนนเสียงอย่างผิดกฎหมาย แอนโธนี่ให้คำมั่นว่าจะไม่ล้มเลิกการต่อสู้เพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำนั้นถูกต้อง แม้เธอจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ดูผลของงานที่เธอทำ คำประกาศของเธอเป็นจริง ในปี 1920 มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 19 ให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกตั้ง
วิดีโอในยูทูปเป็นเรื่องของอลัน กลุสตอฟฟ์ เกษตรกรผู้ผลิตเนยแข็งในเมืองโกเชน รัฐนิวยอร์ค อธิบายกระบวนการบ่มเนยแข็งให้กลิ่นและผิวหน้าของเนยมีรสชาติดี ก่อนส่งออกขายในตลาด เนยแข็งทุกก้อนจะถูกเก็บอยู่บนชั้นในถ้ำใต้ดินนาน 6-12 เดือน สภาวะที่มีความชื้น เนยแข็งจะค่อยๆ ถูกบ่ม “เราดูแลดีที่สุดเพื่อให้เนยแข็งอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ถูกต้องเหมาะสม (และ) แปรรูปได้อย่างเต็มศักยภาพ” กลุสตอฟฟ์อธิบาย
ในเรื่อง นี่คือคนรุ่นนั้น (These Are the Generations) นายเบเล่าความสัตย์ซื่อของพระเจ้าและฤทธิ์อำนาจของพระกิตติคุณที่ส่องฝ่าความมืด คุณปู่กับพ่อแม่ของเขาและครอบครัวของเขาถูกข่มเหงเพราะประกาศความเชื่อในพระคริสต์ แต่ความเชื่อของเขากลับเติบโตขึ้น เมื่อนายเบถูกจำคุกเพราะเล่าเรื่องพระเจ้าให้เพื่อนฟัง พ่อแม่ของเขาก็มีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นเช่นกัน เมื่อทั้งคู่ถูกตัดสินให้ไปอยู่ในค่ายกักกัน เพราะแม้แต่ที่นั่นทั้งสองก็ยังเล่าถึงความรักของพระคริสต์ต่อไป นายเบพบว่าพระสัญญาในยอห์น 1:5 เป็นความจริง “ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่”